อาการ เป็นก้อนที่ผิวหนัง ลักษณะผิวอาจจะเรียบหรือขรุขระ สีอาจจะ สีขาว ชมพู หรือสีน้ำตาล มีรากอยู่ข้าง
ใต้หูด อาจจะเกิดขึ้นที่ผิวหนังส่วนใดก็ได้ แต่บริเวณที่พบบ่อยคือ นิ้วมือ แขน ขา สามารถแบ่งออกเป็น
- หูดธรรมดา ลักษณะของหูดชนิดนี้จะเป็นตุ่มเม็ดนูนแข็ง ผิวค่อนข้างขรุขระ อาจมีเม็ดเดียวหรือหลายเม็ดก็ได้ ตำแหน่งที่พบ ที่พบบ่อยคือ บริเวณแขน ขา มือ และเท้า
- หูดชนิดแบน ลักษณะของหูดชนิดนี้จะเป็นเม็ดเล็กแข็ง แต่ผิวเรียบ ซึ่งต่างจากหูดธรรมดา เพราะว่าหูดธรรมดาจะมีผิวขรุขระกว่า ตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ หลังมือ หน้าเข็ง และหน้าผาก
- หูดฝ่ามือฝ่าเท้า จะมีลักษณะเป็นไตแข็งๆ ขนาดใหญ่ แบนราบเท่าระดับผิวหนัง เพราะมีแรงกดขณะเดิน ลักษณะคล้ายๆ ตาปลา แต่จะแยกกันได้ตรงที่หูดถ้าใช้มีดฝานอาจมีเลือดไหลซิบๆ และอาจมีอาการเจ็บปวดได้
- หูดหงอนไก่ เป็นติ่งเนื้อนุ่ม สีชมพู เปื่อยง่าย มักพบบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก
- หูดที่เป็นติ่งเนื้อเล็กๆ มักขึ้นที่หนังตา ใบหน้า ลำคอ หรือริมฝีปาก
หูดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ปาโปวา แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ผิวหนัง เกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหูดงอกออกจากผิวหนัง ติดต่อโดยการสัมผัสกัน ระยะฟักตัว 2-18 เดือน จัดเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดาของผิวหนัง เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในเด็กวัยเรียน ในผู้ใหญ่ก็เป็นได้ หูดเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายแต่อย่างไร นอกจากทำให้แลดูน่าเกลียด และมีอาการปวดได้เป็นบางครั้ง
ส่วนมากหูดจะยุบหายได้เองตามธรรมชาติ แม้จะไม่ได้รับการรักษาภายหลังที่เป็นอยู่หลายเดือน บางคนอาจเป็นอยู่เป็นปีๆ กว่าจะยุบหาย เมื่อหายแล้วอาจกลับเป็นใหม่ได้อีก
การรักษา
- ปิดด้วยพลาสเตอร์ ยาที่มีกรดซาลิไซลิก 40% กรดจะกัดลอกเอาหูดออก ประมาณ 1 สัปดาห์ ให้ฝานหูดออกไป แล้วปิดพลาสเตอร์ซ้ำจนกว่าหูดจะหมดไป การปิดมาเกินไปอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
- สำหรับการรักษาหูดที่เป็นติ่ง แพทย์จะพ่นด้วยยาชา แล้วใช้กรรไกรตัด
- หูดหงอนไก่ ควรไปพบแพทย์
- หูดที่เป็นตุ่มหรือไตขนาดใหญ่ ควรไปรักษาที่โรงพยาบาล อาจต้องฉีดยาชาเฉพาะที่ แล้วทำการผ่าตัดและขูดออก ซึ่งอาจให้เวลา 4 สัปดาห์กว่าแผลจะหายดี หรือไม่ก็อาจรักษาโดยทาด้วยกรดซาลิไซลิก 10% และกรดแล็กติกชนิด 10% ในคอลลอยเดียนเบส หรือทาด้วยกรดไตรคลอร์อะซิติก 30-50%
- ในโรงพยาบาลบางแห่งอาจใช้ไนโตรเจนเหลว หรือคาร์บอนไดออกไซด์แข็งในการรักษาหูด โดยจี้ทุกๆ 2 สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน หรือใช้แสงเลเซอร์ในการรักษา
- หูดที่ฝ่าเท้า ห้ามใช้ไฟจี้หรือตัดออก เพราะจะทำให้เจ็บเวลาเดิน ให้ทำการรักษาด้วยการปิดด้วยพลาสเตอร์ยาที่มีกรดซาลีไซลิก 40% หรือทาด้วยไนโตรเจนเหลว
การป้องกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นหูด เมื่อเป็นหูดพยายามอย่าเกาบริเวณที่เป็น เพราะอาจลุกลามหรือแพร่กระจายไปตามส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ เพราะหูดสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัส