JA Cpanel
  •  

DooHealthy

RSSเว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลความรู้และคำปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

โรคท้องร่วง

โรคท้องร่วงอาการ ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อยกว่าปกติ หากเป็นในเด็กเล็กหรือเด็กโตก็ใช้เกณฑ์เดียวกับ

 

ผู้ใหญ่ คือ ถ่ายมากกว่าวันละ 3 ครั้ง หรือถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียว

สาเหตุ มีได้หลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากติดเชื้อโรคก่อให้เกิดท้องร่วง

ท้องเดินชนิดเฉียบพลัน เกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

1. การติดเชื้อโรคเข้าทางระบบทางเดินอาหาร อาจเกิดจากเชื้อไวรัส ติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น บิดไม่มีตัว ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค เป็นต้น ติดเชื้อโปรตัวซัว เช่น บิดมีตัว ไกอาร์เดีย เป็นต้น หรือติดพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิแส้ม้า เป็นต้น การติดเชื้อทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ซึ่งสามารถดูได้จากลักษณะอุจจาระมีสีค่อนข้างเขียว เป็นน้ำ และมีกลิ่นเหม็น หรืออาจมีเมือกปนด้วย

2. ได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรีย โดยพิษปนอยู่ในอาหาร แม้ว่าอาหารนั้นจะผ่านการต้ม การทอด ซึ่งมีความร้อนสูงถึงขนาดฆ่าเชื้อแบคทีเรียให้ตายได้ แต่พิษยังมีฤทธิ์อยู่ เมื่อถ่ายอุจจาระหรืออาเจียนออกหมด ส่วนใหญ่จะทุเลาและหาย แต่หากพิษร้ายแรงอาจถึงเสียชีิวต เช่น พิษโบทูลินุ่ม

3. ได้รับสารเคมีปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่มในปริมาณมาก เช่น ตะกั่ว สารหนู ไนเทรต ยาฆ่าแมลง เป็นต้น มักจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง และอาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น อาการชักร่วมด้วย

4. ทานยามีผลทำให้ท้องเสีย เช่น ยาถ่ายหรือยาระบาย ยาปฏิชีวนะแอมพิซิลลิน ยาปฏิชีวนะเตตราซัยคลีน ยาลดความดัน ยาพีเอเอส เป็นต้น ยาสมุนไพรบางอย่าง เช่น มะเกลือ สลอด มะขามแขก เป็นต้น เมื่อหยุดยาเหล่านั้นอาการท้องร่วงจะทุเลาและหาย

5. ทานพืชมีพิษบางชนิด เช่น เห็นดพิษ ต้นโกสน เมล็ดของขี้กาแดง ต้น คริสมาสต์ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย แก้ไขโดยการทำให้อาเจียนเอาสิ่งที่เป็นพิษออกมา หรือให้ดื่ม activated charcoal เพื่อดูดซับพิษในกระเพาะอาหาร

ท้องร่วงเรื้อรัง เกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

1. การติดเชื้อจำพวกบิดอะมีบา ติดเชื้อวัณโรคในลำไส้ มีพยาธิแส้ม้าติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรคท้องเสียในปริมาณน้อย เช่น เชื้ออหิวาตกโรคในปริมาณน้อยก็ทำให้ท้องเสียเพียงเล็กน้อยแต่เป็นเรื้อรัง เป็นต้น

2. มีโรคเรื้อรัง ทำให้ท้องเสียเป็นประจำ เช่น โรคเบาหวาน โรคเอดส์ โรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง เป็นต้น

3. การขาดเอนไซม์แลกเตสที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลกโตส ซึ่งมีอยู่ในนมสด จึงทำให้เกิดอาการท้องเดินหลังดื่มนม มักพบกับคนที่เลิกดื่มนมไปนานแล้วกลับมาดื่มนมใหม่ หรือในคนที่ไม่เคยดื่มนมมาก่อนแล้วเริ่มดื่มเป็นครั้งแรก

4. มีความผิดปกติเกี่ยวกับการดูดซึมของลำไส้ ลำไส้แปรปรวน ทำให้ถ่ายบ่อย อุจจาระมีลักษณะเป็นมันลอยน้ำ และมีกลิ่นเหม็นจัดเนื่องจากไขมันไม่ถูกดูดซึม

5. เป็นโรคเนื้องอก หรือมะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งตับอ่อน ทำให้ท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งในระยะรุนแรงอาจมีเลือดออกมาในอุจจาระ

6. ทานยาบางชนิดเป็นประจำ เช่น ทานยาระบาย หรือยาลดกรดเป็นประจำ ก็ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังได้ เป็นต้น

ปัญหาที่สำคัญของท้องร่วงคือ ภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่มากจนร่างกายเสียสมดุลไป ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะช็อก ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะโปตัสเซียมในเลือดต่ำ ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ โดยจะมีอาการแทรกซ้อนมากน้อย รุนแรงขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับภาวะขาดน้ำเป็นสำคัญ หากไม่รีบแก้ไข ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานน้อย เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น ภาวะขาดสารอาหาร

ภาวะขาดน้ำ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

1. ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย อาการทั่วไปดี ลุกขึ้นเดินได้ ชีพจรและความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ ให้การดูแลรักษาเพียงดื่มน้ำเกลือแร่ อาการจะดีขึ้น

2. ภาวะขาดน้ำปานกลาง รู้สึกเพลียมาก ลุกขึ้นเดินแทบไม่ไหว ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยว ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ

3. ภาวะขาดน้ำรุนแรง อาการอ่อนเพลียมาก ต้องนอนอย่างเดียว ไม่ค่อยรู้สึกตัว กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเท้าเย็นชืด ชีพจรเบา เร็ว ความดันโลหิตต่ำมาก ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย

อาการท้องร่วงที่ควรพบแพทย์

1. เมื่อมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง มีเลือดออกด้วย

2. ร่างกายขาดน้ำมาก

3. อุจจาระมีหนอง ปนออกมาด้วย

4. ท้องเสียร่วมกับมีไข้สูงกว่า 38ซ.

5. ท้องเสียและอาการไม่ดีขึ้นใน 24 ชั่วโมง

6. ท้องเสียอย่างเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ

การรักษา ผู้ป่วยท้องเสีย ให้รับประทานอาหารอ่อนหรืออาหารเหลว เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว น้ำผลไม้ น้ำผัก เป็นต้น หากอ่อนแรงมากควรดื่มน้ำเกลือแร่โออาร์เอส ช่วงนี้งดอาหารที่มีเส้นใยมาก งดชา กาแฟ

การตรวจในโรงพยาบาลจะมีตรวจอุจจาระ ซึ่งอาจพบพยาธิโปรโตซัว และเพาะเชื้อแบคทีเรียจากอุจจาระ ตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุ อย่างเช่น บิด ไม่มีตัว หรือไทฟอยด์ อาจต้องเจาะเลือดตรวจดูระดับอิเลกโตรไลต์

หากสงสัยว่าเป็นโรคบิดมีตัวบุกรุกจนเป็นแผลในลำไส้ ก็อาจจะต้องส่องกล้องดูลำไส้ใหญ่

แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสงสัยว่าท้องร่วงจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ในรายที่สงสัยเป็นบิด อหิวาต์ หรือไทฟอยด์

Julius

นาฬิกาดีไซน์ความหลากหลายให้เข้ากับสไตล์ของคุณ More...

G-SHOCK

ต้นแบบเฉพาะตัวกับตัวเครื่องคุณภาพความทนทาน More...

Edifice

Edifice นาฬิกาลูกผู้ชาย ทรงอิทธิพลด้วยดีไซน์ที่เร้าใจ More...

Consultant



↑ เพิ่มเพื่อนจากทาง Line เพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ที่นี่...

Latest Posts

Map