อาการไข้เป็นสัญญาณของร่างกายที่บ่งบอกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย เกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกัน
ทำการกำจัดเชื้อโรค เช่น โรคเอดส์ ไข้หวัด ไข้มาลาเรีย เป็นต้น หรือเกิดจากร่างกายกำจัดสิ่งแปลกปลอมอย่างอื่นซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมา เช่น ในโรคแพ้ภูมิตนเอง โรคลูปัส และโรครูมาตอยด์ เป็นต้น มักจะมีไข้ต่ำๆ เพราะร่างกายทำการกำจัดภูมิต้านทานของตนเอง
สาเหตุของไข้ยังเกิดได้จากการได้รับวัดซีนซึ่งจัดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมอย่างหนึ่งของร่างกาย การมีไข้เล็กน้อยอาจจะเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด ซึ่งเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อในบริเวณที่ถูกผ่าตัด การมีไข้ อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นจากการขาดน้ำ ร่วมกับเจอแดดแรงที่เรียกกันว่า ลมแดด ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
อุณหภูมิร่างกายที่ถือว่ามีไข้ คือ อ่านอุณหภูมิจากปรอทวัดไข้ได้เกิน 37.8 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิในระดับนี้ของร่างกายจะอุ่น แต่เมื่อใดก็ตามที่อุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส จะแสดงอาการตัวร้อนค่อนข้างมาก หากอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสถือว่ามีไข้สูง น่าเป็นห่วง หากสูงมากๆ อาจทำให้ชักได้ โดยเฉพาะในเด็ก
เมื่อมีไข้ มักจะตัวร้อน อาจมีหนาวสั่น ตัวแดง หน้าแดง หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว ซึ่งต้องมีการลดไข้และหาสาเหตุของโรค วิธีการลดไข้ เช่น ดื่มน้ำ เช็คตัวลดไข้ อยู่ในที่เย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป และทานยาลดไข้พาราเซตามอล
อาการไข้ที่ควรรีบพบแพทย์
- ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 6-8 ชั่วโมง ให้รีบนำไปพบแพทย์โดยด่วน
- ไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส
- ไข้ลดลงแล้วเกิน 24 ชั่วโมง แล้วกลับมาเป็นใหม่
ไข้ที่เป็นอย่างเรื้อรัง คือ เกิดขึ้นอยู่นานเกิน 10-14 วัน ไข้เรื้อรัง เป็นอาการแสดงซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีการอักเสบของอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง หรือมากกว่าตลอดเวลา อาจเกิดจาก 3 สาเหตุ คือ
- การติดเชื้อ การติดเชื้ออย่างต่อเนื่องหรือเป็นๆ หายๆ ยังอาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
- โรคมะเร็ง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ปี อาการไข้เรื้อรังน่าจะเกิดจากโรคมะเร็งของเม็ดเลือดหรือเกิดจากโรคอื่นก็ได้
- โรคแพ้ภูมิตนเอง เป็นกลุ่มโรค ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและการบำบัดแต่เนิ่นๆ จะเกิดผลเสียหายมาก โรคในกลุ่มนี้มักพบอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีผื่น ปวดกล้ามเนื้อหรือกระดูก เป็นต้น ปวดตามข้อ เช่น โรคลูปัส โรคการอักเสบของเส้นเลือด กล้ามเนื้อและผิวหนัง เป็นต้น
ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก ไข้หวัดซาร์
ไข้หวัดทั้งหมดนี้มีต้นเหตุจากการติดเชื้อไวรัส แต่ต่างชนิดและสายพันธุ์การจะแยกอาการว่าเป็นโรคไข้หวัดแบบใหนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรทราบ รวมทั้งการดำเนินของโรคและการดูแล ดังนี้
สำหรับการวินิจฉัยในเบื้องต้นควรวัดไข้ว่าสูงถึงขั้นจะเป็นหวัดอย่างร้ายแรงหรือไม่ หากมีไข้สูงควรไปพบแพทย์ ซึ่งจะได้ดูแลรักษาตามอาการ และหากเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจะมีการแจ้งไปตามระบบกระทรวงสาธารณสุข ผู้ป่วยและญาติควรระวังไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปติดคนในครอบครัวและคนอื่น พักผ่อนให้เพียงพอและทานอาหารเหลวย่อยง่าย ดูดซึมง่าย มีประโยชน์เพื่อฟื้นฟูสภาพโรคหวัดทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง ถ้าผู้ป่วยพักผ่อนดูแลไม่ให้ภูมิต้านทานต่ำ เชื้อจะถูกร่างกายกำจัดไปได้เอง