JA Cpanel
  •  

DooHealthy

RSSเว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลความรู้และคำปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

ชีวิตคิดลบจนติดนิสัย เปลี่ยนเป็นชีวิตคิดบวก

มองโลกในแง่ร้ายคนบางคน ในสายตาของคนอื่น เขาหรือเธอคือคนที่แสนจะสมบูรณ์แบบมากๆ ชีวิตเหมือนฟ้าประทานมาเกิด

 

แต่สำหรับตัวเธอเองแล้ว ทำไมชีวิตถึงมีแต่สิ่งแย่ๆ ทุกอนูรอบตัว คนแบบลูกตาลนี่ล่ะ เธอเป็นนักออกแบบภายในที่มีผลงานดังๆ มากมาย เก็บตังค์ซื้อคอนโดหรูกลางใจเมืองได้เองตั้งแต่อายุยังไม่สามสิบ มีแฟนสุดประเสริฐที่จริงจังกับเธอถึงขั้นคิดอยากสร้างอนาคตร่วมกัน แต่ลูกตาลกลับมองทุกอย่างในแง่ลบหมดเลย งานเธอก็ว่ายุ่ง คอนโดก็ว่าแคบ แฟนคนดีของเธอยังพลอยถูกหางเลขไปด้วยว่าทำตัวติดเธอเกินเหตุ ทุกครั้งที่เขาเกริ่นเรื่องแต่งงาน ลูกตาลจะต้องหาเรื่องทะเลาะ ถึงเธอจะรู้สึกอุ่นใจกับความรักครั้งนี้ แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเธอ แล้วนี่ก็ไม่ใช่แฟนคนแรกที่เธอคิดอย่างนี้ด้วย เพราะกับแฟนคนก่อนๆ เธอก็หาเรื่องเลิกด้วยเหตุที่ว่าเขาไม่เป็นผู้ใหญ่บ้างล่ะ ไม่รับผิดชอบบ้างล่ะ โอ๊ย...เป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะคุณลูกตาล

ซึ่ง ความจริงแล้ว ปัญหาที่แท้จริงของลูกตาลคือ "ทัศนคติ" ของตัวเธอเอง เธอมีทัศนคติในแง่ลบกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ รวมทั้งตัวเธอเองด้วย เธอแอบคิดว่าผู้ชายคนที่มาหลงรักผู้หญิงอย่างเธอคงงี่เง่าเต็มทน เธอเลยมักจะแกล้งผิดนัดเขาบ้าง พูดไม่ดีกับแม่เขาบ้าง ไม่ก็แอบกิ๊กกับเพื่อนสนิทเขาซะเลย เขาจะได้เลิกยุ่งกับเธอ ดูทำเข้าสิ อีกคนที่พอกันเลยคือ จอย วัย 25 ครูผู้ช่วยของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง จอยเพิ่งสมัครงานใหม่ที่โรเรียนที่ใหญ่กว่าเดิมแล้วได้เรียกสัมภาษณ์ด้วย ตอนคุยกันเสร็จใหม่ๆ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองทำได้ดี แต่พอกลับบ้านมานั่งนึกๆ ดู ความมั่นใจของเธอลดน้อยลงทุกทีๆ เพราะได้แต่คิดวนไปมาว่า "เอ๊ะ! ตอนไปถึงเราสายไปสองนาทีนี่นาเพราะว่าารถติด ตอนตอบคำถามเราตอบเร็วไปหรือเปล่า เขาจะคิดว่าเราคล่องไปมั้ย ตอนท้ายก่อนออกจากห้อง เราทำแฟ้มหล่นด้วย เขาต้องคิดว่าเราซุ่มซ่ามดูแลเด็กๆ ได้ไม่ดีแน่ๆ เลย" ด้วยความที่ปัจใจเชื่อว่าเธอคงไม่ได้งานแน่ๆ จอยเลยโทรไปขอถอนตัว โดยหารู้ไม่ว่าอาจารย์ใหญ่ชอบเธอมากและกำลังจะเสนองานให้เธอทำ ทั้งลูกตาลและจอยทำลายโอกาสในการบรรลุเป้าหมารยที่สำคัญของทั้งคู่ เพราะว่าพวกเธอเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย คิดถึงเรื่องทุกอย่างในสถานการณ์ที่เลวร้ายไว้ก่อน ตัวเองก็แย่ คนอื่นก็แย่ ทุกอย่างแย่หมดสำหรับคนที่เป็นแบบนี้ จอห์น พี คิลดาห์ล นักจิตวิทยา ชาวสหรัฐอเมริกา บอกว่า "คนที่มองโลกในแง่ร้ายมากๆ มักจะคิดว่าตัวเองล้มเหลว มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันแบบเศร้าหมอง และมองอนาคตอย่างสิ้นหวัง แม้ว่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น เขาก็จะคิดว่าเดี๋ยวต้องมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นตามมาแน่นอน คนพวกนี้จะมองชีวิตแบบน้ำเต็มแค่ครึ่งแก้ว และโฟกัสอยู่แต่กับแง่ลบในชีวิต เขาจะคิดว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้วก็จะทำตัวเองไม่สามารถควบคุม อะไรได้ แล้วก็จะทำตัวเองให้รู้สึกดาวน์อยู่ตลอด"

อะไรๆ ก็แย่ไปซะหมด... หรือเปล่า?

ถึง จะยังไม่มีตัวเลขที่ออกมาบอกอย่างชัดเจนว่ามีคนที่ต้องทุกข์ทรมานจากอาการ มองโลกในแง่ร้ายมากเท่าไหร่ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าผู้หญิงมักจะเป็นมากกว่าผู้ชาย คนที่มีอาการหน่อยๆ อาจจำใจทำงานที่ตัวเองไม่ชอบอยู่เป็นเวลาหลายปี เพราะกลัวว่าถ้าสมัครงานใหม่ บริษัทดีๆ จะไม่มีวันรับเธอ สำหรับคนที่อาการหนักจะไม่พอใจตัวเองตลอดเวลา และไม่สามารถตัดสินใจอะไรง่ายๆ ได้เลยเพราะคิดอยู่ตลอดว่าต้องตัดสินใจผิดพลาดแน่ๆ

เราทุกคนต่างมีวัน ที่เรารู้สึกเซ็งกันทั้งนั้น เหมือนว่าอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง แต่ในขณะที่คนปกติทั่วไปจะสะบัดความเซ็งออกจากหัวแล้วคิดว่าช่างมัน คนที่มองโรคในแง่ร้ายจะทำไม่ได้อย่างนี้ ฟังดูแล้วอาการของคนมองโลกในแง่ร้ายอาจคล้ายๆ กับคนที่มีอาการซึมเศร้า แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามีอาการสำคัญๆ หลายอย่างที่ต่างกัน โรคซึมเศร้านั้นเกิดจากความไม่สมดุลกันของสารเคมี แต่การมองโลกในแง่ร้ายเกิดจากรูปแบบของการคิดในแง่ลบที่พัฒนาจนกลายเป็นการ เสพติด คนที่มองโลกแง่ร้ายมักจะมีความสุขกับการลงโทษตัวเอง การคิดถึงทุกเรื่องในแง่ร้ายสุดๆ ทำให้พวกเธอไม่ต้องเจอกับความผิดหวังหรือถูกปฏิเสธจากใคร เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว

เชรี คาร์เตอร์ สกอต นักเขียนเรื่อง Negaholics: How to Overcome Negativity and Turn Your Life Around ที่มีแม่ติดเหล้าอธิบายว่า "พฤติกรรมทำลายตัวเองแบบนี้ก็เหมือนกับการเสพติดดีๆนี่เองค่ะ การคิดในแง่ลบเป็นสาเหตุหลักของการเสพติดทุกประเภทรวมถึงการย้ำคิดย้ำทำด้วย คนที่ทุกข์ทรมานจากความว่างเปล่าในจิตใจจะต้องหาอะไรมาเติมเต็มและทำให้ตัว เองรู้สึกว่าไม่อ้างว้าง โดดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด เหล้า อาหาร หรือเซ็กส์" ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าคนมองโลกในแง่ร้ายจะต้องลงเอยด้วยการติดยาทุกคนแต่ การโหยหาแต่สิ่งแย่ๆ ในชีวิตก็รุนแรงไม่แพ้กัน และบางครั้งถึงขนาดทำให้การมีชีวิตอยู่ของตัวเองด้อยค่าลงไป

เพราะคิดว่าตัวเองล้มเหลว... จึงไม่มีวันมีดี

ซู ซาน เจฟเฟอร์ นักเขียนเรื่อง Feel the Fear and Do It Anyway กล่าวเสริมว่า หลายๆ คนตกเป็นเหยื่อของอาการมองโลกแง่ร้ายทางด้านจิตใจ ทุกอย่างเหมือนว่าผิดไปหมด จนทำให้คนเหล่านี้รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้ ว่าแต่อะไรกันนะที่ทำให้คนเรากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายได้ถึงขนาดนี้ ในสังคมที่ซับซ้อนและแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ การมองโลกในแง่ร้ายอาจเป็นผลจากการกดดันตัวเองให้เก่งเรื่องงาน มีเพื่อนฝูงมากมาย และประสบความสำเร็จเรื่องความรัก เราสร้างมาตรฐานของความเพอร์เฟ็คท์ที่ไม่สามารถทำได้จริงขึ้นมาแล้วก็กดดัน ตัวเองอย่างหนักจนเกินไป เมื่อเราทำไม่ได้ตามนั้น เลยโทษตัวเองที่ล้มเหลว นอกจากนี้ แนวโน้มจากการมองโลกแง่ร้ายยังอาจมาจากบางอย่างที่เกิดขึ้นในวัยเด็กหรือวัย รุ่น

เปลี่ยนมุมลบด้วยพลังบวก

คนติดเหล้าจะเลิกได้ต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าตัวเองมีปัญหา คนมองโลกในแง่ร้ายก็เหมือนกัน จะรักษาอาการนี้ได้ต้องยอมรับก่อนว่าตัวเองไม่สามารถเอ็นจอยชีวิตได้ เพราะว่ามองโลกในแง่ร้ายมากจนเกินที่ตัวเองจะควบคุมไหว เจฟเฟอร์ บอกว่า "การดึงตัวเองออกจากวงจรนี้เป็นกระบวนการของการโตเป็นผู้ใหญ่ เราจะได้ประเมินชีวิตซะใหม่ และมองว่าชีวิต คือ การเรียนรู้ เราต้องรู้ว่าประสบการณ์แย่ๆ น่ะไม่มีจริงหรอก ทุกประสบการณ์เป็นครูสอนให้เราโตขึ้น ดังนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีทั้งหมด"

เจฟเฟอร์ยังบอกอีกว่า ไม่มีใครที่มีภูมิต้านทานความกลัวหรอก แต่แทนที่จะจัดการกับความกลัว คนมองโลกในแง่ร้ายจะรู้สึกว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และซึมเศร้า หัวใจสำคัญของการเอาชนะความคิดในแง่ลบ คือ การตระหนักว่าเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่เป็นประโยชน์กับชีวิต

การจะเปลี่ยนมุมมองของคนที่มองโลกในแง่ร้ายจนติดเป็นนิสัยต้องอาศัยความกล้า ความอดทน และความระมัดระวัง หากคุณจะเผลอกลับไปคิดถึงอะไรในแง่ลบบ้าง ก็อย่าถือโทษโกรธตัวเองให้มากมายนัก เจน ดี ซิมเมอร์แมน นักจิตวิทยา บอกว่าการเปลี่ยนจากความคิดแนวลบมาเป็นแนวบวกเป็นเหมือนกับการหัดขี่จักรยานในตอนแรกที่หัดขี่ เราล้มตลอดและห่อเหี่ยวหัวใจ ว่าคงไม่มีวันขี่จักรยานสองล้อได้แน่ๆ แต่แล้วพอฝึกไปเรื่อยๆ เราก็เก่งขึ้นจนในที่สุดก็ขี่ได้ เมื่อเราฝึกตัวเองจนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีแล้ว โอกาสต่างๆ ก็จะตามมามากมาย เราจะสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าและควบคุมชีวิตตัวเองได้

ซิมเมอร์แมน บอกว่า "เมื่อคุณจัดการกับปัญหาของคุณได้แล้วและฝึกให้ตัวเองคิดบวกได้ คนรอบข้างคุณอาจรู้สึกเกรงๆ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่มองโลกในแง่ร้ายที่คุณเคยคบด้วยมาก่อน เพราะคุณจะเข้มแข็งมากขึ้น คุณต้องให้เวลาเพื่อนหรือแฟนปรับตัวให้เข้ากับคุณคนใหม่ที่มั่นใจกว่าเดิมด้วยนะคะ"

เพ็ญ สาวนักบัญชี บอกว่า เธอซึมเศร้าและกินทุกอย่างที่ขวางหน้ามาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น แต่ก่อนนี้เธอเคยหนักเกือบร้อยกิโล จนครอบครัวพาเธอไปบำบัดจิตเป็นระยะเวลาสั้นๆ จิตแพทย์ควบคุมอาหารและจัดตารางออกกำลังกายให้เธอแล้วสังเกตความคืบหน้าของอาการของเธอ ภายในเวลาไม่นานเธอลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโล เพื่อนๆ เริ่มชมว่าเธอหุ่นดีขึ้น เธอเลยมีกำลังใจเข้าโปรแกรมต่อ สุดท้ายเธอลดน้ำหนักลงได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ เพ็ญบอกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เธอเป็นคนควบคุมอาหาร ไม่ใช่ปล่อยให้อาหารควบคุมเธอเหมือนอย่างที่ผ่านมา เธอแฮปปี้มาก แต่แฟนของเธอกลับไม่แฮปปี้เลย เขาซื้อเค้ก ซื้อขนมมาให้เธอตลอด เธอบอกว่า "ทีแรกฉันไม่เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมเขาถึงอยากให้ฉันกลับไปอ้วนอีก แต่แล้วก็ถึงบางอ้อว่า เขาอึ้งกับความเป็นฉันคนใหม่ที่มั่นใจกว่าเดิม หลังจากลดน้ำหนักได้ ก็มีผู้ชายเข้ามาขอเบอร์หลายคน เขาก็เลยหึง ตอนนี้ความรักของเราโอเคแล้วค่ะ ฉันมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ส่วนเขาก็เข้าใจและเคารพในตัวฉันค่ะ" บางครั้งถ้าแฟนของคุณไม่เข้าใจและกลายเป็นตัวบั่นทอนกำลังใจของคุณ การจบความสัมพันธ์นั้นซะอาจเป็นทางเดียวที่จะทำให้คุณยังคงการเป็นคนมองโลกในแง่ดีเอาไว้ได้ และไม่กลับไประทมทุกข์เหมือนเดิมอีก

เจฟเฟอร์ แนะว่า ให้คุณมองความหมายของคำว่า "ความเสี่ยง" ซะใหม่ การเสี่ยงไม่ใช่การทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแต่เป็นการเสริมสร้างความเป็นตัวตนของคุณ สุดท้ายแล้วถึงจะล้มไม่เป็นท่าคุณก็ควรจะภูมิในตัวเองที่เลือกเดินทางบวกและไม่ตกเป็นทาสของความคิดแย่ๆ อีกต่อไป คราวหน้ามีโอกาสก็ลองใหม่ คุณต้องประสบความสำเร็จกับเขาบ้างสักครั้งหนึ่งล่ะน่า สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า "การจะเปลี่ยนมุมมองของคนที่มองโลกในแง่ร้ายจติดเป็นนิสัยต้องอาศัยความกล้า ความอดทน และความระมัดระวัง หากคุณจะเผลอกลับไปคิดถึง อะไรในแง่ลบบ้าง ก็อย่าถือโทษโกรธตัวเองให้มากมายนัก

Julius

นาฬิกาดีไซน์ความหลากหลายให้เข้ากับสไตล์ของคุณ More...

G-SHOCK

ต้นแบบเฉพาะตัวกับตัวเครื่องคุณภาพความทนทาน More...

Edifice

Edifice นาฬิกาลูกผู้ชาย ทรงอิทธิพลด้วยดีไซน์ที่เร้าใจ More...

Consultant



↑ เพิ่มเพื่อนจากทาง Line เพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ที่นี่...

Latest Posts

Map

You are here: บทความสุขภาพ โรคและการดูแล สุขภาพจิต ชีวิตคิดลบจนติดนิสัย เปลี่ยนเป็นชีวิตคิดบวก