ปีที่ผ่านมาทั่วโลกต่างประสบปัญหาวิกฤตมากมาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การจลาจลและภัยพิบัติ
นานาจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมีผลกระทบกับประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งต่อทรัพย์สิน ร่างกายและสภาพจิตใจ ในการจัดประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ครั้งที่ 10 และการประชุมวิชาการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย ครั้งที่ 8 ประจำปี 2554 เรื่อง "ฝ่าคลื่นวิกฤตด้วยงานสุขภาพจิต" (Mental Health : Above the Wave) นพ. ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวไว้ว่า ภาวะวิกฤตเกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมามากมาย จำเป็นต้องพัฒนาองค์ความรู้ทางสุขภาพจิต เพื่อส่งเสริมป้องกันและแก้ไขปัญหา สุขภาพจิตของประชาชนอย่างต่อเนื่องและมีทิศทางเพื่อพัฒนางาน สุขภาพจิตที่ดีในอนาคต เกิดการบูรณาการงานในการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนที่เผชิญกับภาวะวิกฤต รวมทั้งเตรียมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ด้าน นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงปฏิกิริยาทางใจที่เกิดขึ้นกับผู้ประสบวิกฤตว่า มีทั้งอาการช็อก งุนงง หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่ายกว่าปกติ กระวนกระวาย รวมทั้งเกิดความเครียดที่อาจถึงขั้นรุนแรง คลื่นไส้ เจ็บหน้าอก ท้อแท้ ซึมเศร้า และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายได้ ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา บางคนที่มีความทุกข์จากเหตุการณ์สามารถปรับตัวได้และมองเป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่บางคน ในเวลาต่อมาอาจเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง ความซึมเศร้า
ดังนั้นระยะเวลาที่จะฟื้นตัวได้เร็วเพียงใดนั้น จึงขึ้นอยู่ระดับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ถ้ามีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก การฟื้นตัวจะใช้เวลานาน คนที่ควบคุมอารมณ์ได้ เมื่อเผชิญกับภาวะยากลำบาก จะปรับอารมณ์และผ่านเหตุการณ์ที่เครียดและกระทบกระเทือนจิตใจได้ง่าย คนที่มีปัญหาด้านอื่นอยู่ อาทิ มีปัญหาสุขภาพ มีปัญหาครอบครัว อาจต้องใช้เลาฟื้นตัวนาน โดยแนะว่าภายใต้วิกฤตยังมีโอกาสอยู่เสมอการตั้งสติให้ได้เมื่อมีปัญหา ทำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น สร้างเสริมกำลังใจและการได้รับกำลังใจการดูแลเอาใจใส่จากบุคคลรอบข้าง ชวนกันมองถึงอนาคตข้างหน้าด้วย ความหวัง ที่สำคัญ การมีครอบครัว ชุมชน สื่อมวลชน และสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน จะช่วยทำให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ ไปได้อย่างแน่นอน
วิธีเพิ่มความสุขให้ตัวเอง
- คิดถึงเรื่องดีๆ ที่เรามีอยู่ เช่น เรามีอวัยวะครบถ้วน มีบ้านอยู่ มีงานทำ ไม่ควรจะมานั่งเป็นทุกข์ เศร้าซึม
- มีความเมตตาตากรุณาต่อเพื่อมนุษญ์ ช่วยเหลือเพื่อมนุษย์เท่าที่ช่วยเหลือได้ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ช่วยพาคนแก่หรือคนตาบอดข้ามถนน บริจาคเงินหรือเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม การแสดงความเมตตากรุณาต่อคนอื่นทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจได้ทันที
- รู้จัดให้อภัย การเก็บความโกรธแค้นไว้ก็เหมือนไฟที่คอยเผาใจให้รุ่มร้อน ทำให้จิตใจไม่สงบและไม่มีความสุข
- ให้ความสำคัญต่อครอบครัว ญาติมิตรและเพื่อน เพราะความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เรารักย่อมนำมาซึ่งความสุขใจ
- แสดงความขอบคุณต่อคนที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสกว่าหรืออายุน้อยกว่าก็ตาม
- ชื่นชมความงามของธรรมชาติรอบตัว หาเวลาไปสัมผัสธรรมชาติ ชื่นชมกับความหอมของดอกไม้ ฟังเสียงนกร้องอย่างมีความสุข ช่วงเวลาแบบนี้จะช่วยให้จิตใจเราสงบ
- ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- มองโลกในแง่บวก พลังแห่งการคิดบวกจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟินส์ ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา