โรคฟันผุมีอาการ ปวดฟัน มีกลิ่นปากเหม็น มีคราบจุดสีน้ำตาลหรือสีดำบนฟันผิวเคลือบฟันถูกทำลายด้วย
กรด ทันตแพทย์ได้แบ่งความรุนแรงของฟันผุเพื่อประโยชน์ในการรักษาจากระยะแรกไปถึงระยะสุดท้าย
ฟันผุมีสาเหตุจากแบคทีเรียในช่องปากที่มีตามธรรมชาติ ร่วมกับอาหารจำพวกแแป้ง น้ำตาล เป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียกลายเป็นกรดกัดฟันหรือละลายเคลือบฟัน คนที่มีน้ำลายน้อยจะทำให้สภาพช่องปากมีความเป็นกรดสูงเนื่องจากมีน้ำลายที่มีฤทธิ์เป็นด่างมาปรับสภาพกรดได้น้อย
ในทารกและเด็กเล็กที่ชอบคาขวดนมในปาก กินจุบกินจิบ พ่อแม่ไม่ได้แปรงฟันให้มักจะมีปัญหาฟันผุเสมอ
การรักษา ต้องรับพบทันตแพทย์ อย่าปล่อยไว้นาน เพราะหากผุไปทั้งรากฟันแล้วจะสูญเสียฟันไปโดยถาวร และเชื้อโรคยังลุกลามไปถึงหูหรือช่องลำคอได้ ส่วนฟันน้ำนมก็ต้องรีบรักษาเช่นกัน เพราะฟันน้ำนมเป็นรากฐานของฟันแท้ที่ยังไม่โผล่ออกมา หากรากฐานไม่ดีแล้วฟันแท้มีโอกาสที่จะไม่ดีไปด้วย แต่พ่อแม่หลายๆ คนเข้าใจผิดว่าฟันน้ำนมผุไม่ต้องรักษา
แนวทางการรักษาฟันผุ
1. ฟันผุที่เคลือบฟันเท่านั้น มองเห็นเป็นจุดหรือเส้นสีดำตามร่องฟัน ทันตแพทย์จะให้แปรงฟันให้สะอาด หรืออาจจะอุดฟันให้เลย
2. ฟันผุระยะมองเห็นรูผุชัดเจน ไม่มีอาการเจ็บปวด ทันตแพทย์จะอุดฟันให้ไม่ผุไปกว่าเดิม
3. ฟันผุระยะมองเห็นรูผุชัดเจนไปถึงชั้นเนื้อฟัน มีอาการเสียวฟันเมื่อถูกของร้อน เย็น หรือหวานจัด ทันตแพทย์จะอุดฟันให้
4. ฟันผุระยะเห็นรูผุชัดเจน ผุไปถึงเบ้ารากฟัน มีอาการปวดฟันรุนแรงมากตลอดเวลา หรือปวดเป็นพักๆ ทันตแพทย์จะรักษาคลองรากฟันหรือถอนฟัน แล้วใส่ฟันปลอมทดแทน
5. ฟันผุระยะมองเห็นรูผุชัดเจน อาจมีหรือไม่มีอาการปวดฟัน อาจพบ ฝี หนอง ที่ปลายราก หนองอาจทะลุออกมาที่เหงือกหรือข้างแก้มได้ บางครั้งมีการอักเสบ ปวด บวม และฟันโยก ทันตแพทย์จะรักษาคลองรากฟัน หรือถอนฟันแล้วใส่ฟันปลอม
ควรป้องกันโดยแปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทุกเย็น ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เด็กทารกควรได้รับการทำความสะอาดในปากด้วยผ้าสะอาดก่อนนอน และดื่มน้ำตามหลังจากดูดนม
สำหรับเด็กควรพบทันตแพทย์เพื่อรับการเคลือบหลุมร่องฟันกรามด้วยซีลแลนท์ซึ่งมีทั้งชนิดใส ไม่มีสี สีขาวหรือสีเหลือง เวลาเคลือบร่องฟันที่เหมาะสมที่สุดคือ ช่วงเวลาที่ฟันกรามเพิ่งขึ้นมาใหม่ๆ และนิยมทำกับฟันกรามแท้ซี่แรกของเด็กอายุประมาณ 6 ปี ช่วยให้เศษอาหารตกค้างตามร่องฟันให้น้อยลง