อาการ เริ่มแรกมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างต่อไปนี้ มีแผลหรือมีก้อนเนื้อผิดปกติในช่องปาก
เรื้อรังไม่หายภายใน 3 สัปดาห์เป็นได้ในทุกตำแหน่งในช่องปาก เช่น ลิ้น กระพุ้งแก้ม เหงือก ลิ้นไก่ ทอนซิล เป็นต้น พบบ่อยมากที่สุดบนลิ้น รองลงมาคือ กระพุ้งแก้ม, อาจปวดหรือไม่เจ็บปวดก็ได้ ก้อนเนื้อหรือแผลจะเป็นอยู่นานและมีขนาดใหญ่ขึ้น, มักมีฝ้าขาวในช่องปากด้วย ร่วมกับตุ่มนูนในบริเวณใกล้เคียง
จากก้อนที่ไม่เจ็บจะเริ่มกลายเป็นแผลและสร้างความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ และผอมลงเรื่อยๆ อย่างมาก ต่อมาจะมีก้อนที่คอ กดไม่เจ็บ และบวมโตขึ้นเรื่อยๆ หรือมีเลือดออกง่าย เจ็บคอมากเวลากลืน แสบปากเวลารับประทานอาหาร ปากมีกลิ่นเหม็นและอาจมีอาการปวดหูและมีการกระจายไปตามต่อมน้ำเหลืองด้วยอย่างรวดเร็ว แลบลิ้นได้ไม่เต็มที่
สาเหตุ เกิดจากการอักเสบเรื้อรังร่วมกับการระคายเคืองที่เกิดขึ้นซ้ำๆ นานๆ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น
- ชอบทานหรือดื่มของร้อนจัด
- กินหมาก
- สูบบุหรี่
- ดื่มสุรา
- ใช้ฟันปลอมที่ไม่พอดี เช่น หลวม ทำให้มีการระคายเคืองเหงือกบ่อย เป็นต้น
- ผู้ที่อนามัยช่องปากไม่ดี
- ผู้ที่มีแผลเรื้อรังในช่องปาก
การรักษา ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตั้งแต่ระยะมีแผลไม่หายใน 3 สัปดาห์ แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการตัดเนื้อเยื่อบางส่วนไปตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ทางพยาธิวิทยา ซึ่งสามารถบอกได้อย่างถูกต้อง มักมีการตรวจเลือดทางห้อง ปฏิบัติการเพื่อดูการทำงานของไขกระดูก ตับ ไต และเบาหวาน ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูโรคร่วมอื่นๆ ของโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ อาจต้องเอกซเรย์ปอดเพื่อดูการแพร่กระจายของโรคที่ปอด
หากเป็นมะเร็งช่องปากระยะแรก ส่วนใหญ่รักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัดและการฉายรังสี ซึ่งอาจใช้วิธีเดียวหรือใช้สองวิธีร่วมกัน การรักษามะเร็งระยะรุนแรงมักใช้การฉายรังสี เคมีบำบัด และอาจใช้การผ่าตัดร่วมด้วย ขึ้นอยู่กัีบระยะของโรคและสภาพของผู้ป่วย