อาการ แบบที่ 1 คือ ปวดท้องด้านล่างขวา หรือเรียกว่า ท้องน้อย อาการท้องแข็ง แน่น และมีท้องเสีย การ
ดำเนินโรคเป็นไปอย่างช้าๆ หากไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย หากไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ด้านหลังลำไส้เล็กส่วนปลาย อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้รุนแรงได้ บางรายอาจรู้สึกปวดเบ่งอุจจาระ อ าการแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยไปพบแพทย์ช้า และวินิจฉัยได้ช้ากว่า
แบที่ 2 คือ เริ่มปวดที่รอบสะดือก่อนย้ายมาปวดท้องน้อยด้านขวาปวดมากตลอดเวลา อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และมีไข้ อาการแบบนี้บ่งบอกว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบได้ชัดเจนกว่าแบบแรก
ถ้าไส้ติ่งแตก ไข้จะสูงลอย 40๐ซ. ปวดทั่วท้องทั้งซ้ายและขวา ท้องจะแข็งเกร็งไปหมด เดินไม่ไหว ต้องนอนนิ่งๆ ต้องรีบเข้ารับผ่าตัดทันที หากทิ้งไว้นานเชื้อโรคอาจแพร่ไปทำลายอวัยวะในช่องท้อง เกิดปัญหารุนแรงตามมา
สำหรับโรคไส้ติ่งอักเสบเรื้อรังต่างจากโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน อาการอาจแตกต่างได้มากในผู้ป่วยแต่ละคน ไม่มีลักษณะเฉพาะ
การรักษา ควรไปพบแพทย์ทันทีก่อนที่ไส้ติ่งจะแตกสร้างปัญหาเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เพราะเชื้อโรคในไส้ติ่งออกมาเกาะติดอวัยวะในช่องท้อง วินิจฉัยด้วยการซักประวัติตรวจร่างกายซึ่งมีอาการกดท้องปล่อยมือแล้วเจ็บเพราะผนังช่องท้องอ่อนไหวต่อการสัมผัสมากขึ้น แต่ในกรณีที่ไส้ติ่งของผู้ป่วยอยู่ตำแหน่งหลังลำไส้ใหญ่อาจทำให้ไม่มีอาการเจ็บจากการตรวจทางหน้าท้องได้ เพราะลำไส้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยอากาศจะกันไม่ให้แรงกดไปสัมผัสโดนไส้ติ่งที่อักเสบ และในกรณีไส้ติ่งอยู่ต่ำลงมาภายในอุ้งเชิงกรานก็จะตรวจไม่พบอาการเจ็บหน้าท้องเช่นกัน
นอกจากนี้ต้องเจาะเลือดดูปริมาณเม็ดเลือดขาว หากปริมาณสูงกว่าปกติแสดงว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ จะแตกหรือไม่แตกก็ต้องผ่าตัดไส้ติ่งออกไป โดยไม่มีผลเสียต่อร่างกาย อาจมีการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการแพร่กระจายของการติดเชื้อในช่องท้อง รวมถึงลดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดด้วย