เนื่องจากวิตามิน มีในอาหารจากธรรมชาติทุกชนิด อาหารบางอย่างมีวิตามินชนิดหนึ่งมากกว่าอีกชนิด
หนึ่งและในปริมาณที่มากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า หากรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ครบทุกหมู่ในปริมาณที่สมดุล คุณก็จะได้รับวิตามินครบถ้วนตามที่ต้องการ คำกล่าวนี้อาจจะถูกก็ได้ แต่ปัญหามีอยู่ว่า จะมีสักกี่คนที่สามารถรับประทานอาหารในฝันแบบนั้นได้ตลอด นายแพทย์แดเนียล ที. ควิกลีย์ ผู้เขียนหนังสือ The National Malnutrition (ภาวะทุพโภชนาการแห่งชาติ) กล่าวไว้ว่า "ทุกคนที่เคยรับประทานน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม แป้งขัดขาว หรืออาหารกระป๋อง ล้วนมีภาวะขาดสารอาหารบ้างไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณของสมาคมแพทย์อเมริกา ฉบับเดือนตุลาคม 2002 ได้รายงานผลการศึกษาวิจัยซึ่งระบุว่าผู้ใหญ่ทุกคนควรรับประทานวิตามินอย่างหลากหลาย เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับสารอาหารที่ต้องการครบถ้วนจากอาหารที่เรารับประทานแต่ละวันในทุกวันนี้
ด้วยเหตุที่ร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะอุ่นอาหารซ้ำ หรือตั้งอาหารไว้ใต้แสงไฟเพื่อให้อาหารอุ่น หากคุณรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยๆ หรือซื้ออาหารกลับมารับประทานที่บ้านเป็นประจำ คุณมีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอ บี1 และซี และเนื่องจากอาหารจำนวนมาผ่านกระบวนการแปรรูปหรือการดัดแปลงทางพันธุกรรม) จึงพบภาวะขาดแคลเซียม กรดโฟลิก และแมกนีเซียมเพิ่มขึ้นมาก (และหากคุณเป็นผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ 13-40 ปี การรับประทานอาหารแบบเน้นสะดวกไว้ก่อนเช่นนี้อาจทำให้คุณต้องจ่ายค่าความสะดวกเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการสร้างกระดูกอย่างแคลเซียมและธาตุเหล็กโดยไม่รู้ตัว)
อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจะมีสารอาหารต่ำ ยกตัวอย่างเช่น ขนมปังและซีเรียล อาหารเกือบทั้งหมดที่คุณหาได้ในซูเปอร์มาร์เก็ตทุกวันนี้ไม่มีสารอาหารใดๆ สูงเลยนอกจากแป้ง แต่คุณอาจจะบอกว่า "พวกมันได้ผ่านกระบวนการเติมสารอาหารแล้ว" เพราะคุณได้เห็นคำว่า "enriched" เขียนไว้ที่ฉลาก
กระบวนการเสริมโภชนาการ หรือ enrichment หมายถึง การเติมสารอาหารที่เดิมมีอยู่ในอาหารนั้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะการผ่านความร้อน การเก็บรักษา และอีกหลายกระบวนการจนสารอาหารนั้นหายไป ดังนั้น มันจึงถูก "เสริมโภชนาการ" จนมีสารอาหารเทียบเท่ากับระดับที่มีในธรรมชาติก่อนที่จะผ่านกระบวนการผลิต แต่โชคร้ายไปหน่อยที่มาตรฐานของการเสริมโภชนาการยังไม่สามารถเติมเต็มความต้องการทางโภชนาการได้ ตัวอย่างเช่น มาตรฐานของการเสริมโภชนาการสำหรับแป้งขัดขาว คือการทดแทนสารอาหารธรรมชาติ 22 ชนิดที่สูญสลายไปด้วยการเสริมวิตามินบีสามชนิด วิตามินดี แคลเซียม และธาตุเหล็ก แท้จริงแล้วสำหรับสารอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตทั้งหมดนั้น สารเพียงไม่กี่ชนิดนี้จัดได้ว่าอ่อนด้อยมาก ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมความรู้สึกของผมที่มีต่อการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงชัดเจนขนาดนี้
สารอาหารคืออะไร
มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากกว่าวิตามิน แม้คนจะชอบคิดว่าสารอาหารคือวิตามินเท่านั้น คาร์โบไฮเดต โปรตีน (ซึ่งมีกรดแอมิโนเป็นหน่วยก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน) ไขมัน เกลือแร่ วิตาวิน และน้ำ ล้วนจัดเป็นสารอาหารทั้งสิ้น สารอาหารเป็นส่วนของอาหารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพที่แข็งแรง สารอาหารมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อพลังงาน การทำงานของอวัยวะต่างๆ การเผาผลาญอาหาร และการเจริญเติบโตของเซลล์
ข้อแตกต่างระหว่างสารอาหารหลักกับสารอาหารรอง
สารอาหารรอง หรือ Micronutrients เช่น วิตาวินและเกลือแร่ไม่ได้เป็นตัวที่ให้พลังงานกับเราโดยตรง แต่สารอาหารหลัก หรือ Macronutrients เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน เป็นตัวที่ให้พลังงาน เพียงแต่จะให้พลังงานก็ต่อเมื่อมีสารอาหารรองในปริมาณเพียงพอที่จะให้่มันทำงานได้
ปริมาณของสารอาหารรองและสารอาหารหลักที่คุณต้องการเพื่อคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดีนั้นแตกต่างกันมาก แต่ต่างก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
สารอาหารทำงานอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว สารอาหารทำงานโดยผ่านกระบวนการย่อยอาหาร การย่อยอาหารเป็นกระบวนการทางเคมีที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องเพื่อแปลงรูปอาหารที่ผ่านปากเข้าสู่รค่างกายให้มีโครงสร้างที่เรียบง่ายขึ้น สารอาหารจะถูกแยกย่อยโดยการทำงานของเอนไซม์ให้มีขนาดเล็กลงและมีโครงสร้างทางเคมีที่ง่ายขึ้นซึ่งจะง่ายต่อการถูกดูดซึมผ่านผนังของทางเดินอาหาร อันเป็นท่อปลายเปิดที่มีกล้ามเนื้อห่อหุ้มยาวติดต่อกันกว่า 30 ฟุตจากปากจนถึงทวารหนัก และเข้าสู่กระแสเลือดในที่สุด
เว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลความรู้และคำปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง









Founder :